ผ้าม่านเป็นของใช้ภายในบ้านที่มักถูกมองข้ามเรื่องความสะอาด ทั้งที่เป็นแหล่งสะสมฝุ่น เชื้อรา และกลิ่นอับได้ง่าย โดยเฉพาะในบ้านที่อยู่ติดถนนหรือมีสัตว์เลี้ยง การซักผ้าม่านเป็นประจำจึงจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อรักษาสุขภาพของผู้อยู่อาศัย รวมถึงยืดอายุการใช้งานของผ้าม่านให้ดูใหม่อยู่เสมอ ในบทความนี้เราจะสรุป “ทริคการซักผ้าม่าน” แบบเข้าใจง่าย พร้อม “สัดส่วนน้ำยา” ที่เหมาะสมสำหรับผ้าแต่ละประเภท
แยกประเภทผ้าม่านก่อนซัก
ก่อนลงมือซัก ควรแยกผ้าม่านตามประเภทของเนื้อผ้า เช่น
-
ผ้าม่านโปร่ง (เนื้อบาง): เหมาะกับการซักด้วยมือ
-
ผ้าม่านทึบแสงหรือผ้าม่านหนา: ซักด้วยเครื่องหรือมือก็ได้ แต่ต้องหลีกเลี่ยงการขยี้แรง
-
ผ้าม่านผ้าฝ้าย หรือผ้าไหมเทียม: แนะนำให้ซักมือและตากในที่ร่ม
-
ผ้าม่านเคลือบกันแดด: ห้ามซักเครื่องเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ผิวเคลือบหลุด
สูตรน้ำยาซักผ้าม่านที่ควรรู้
การซักผ้าม่านให้สะอาดโดยไม่ทำลายเนื้อผ้าขึ้นอยู่กับสัดส่วนน้ำยาที่พอดี ต่อไปนี้คือสูตรแนะนำ:
สูตรสำหรับผ้าม่านทั่วไป
-
น้ำอุ่น 10 ลิตร
-
น้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยน 1 ฝา (ประมาณ 30 มล.)
-
น้ำส้มสายชูขาว 2 ช้อนโต๊ะ (ช่วยลดกลิ่นอับ)
-
แช่ไว้ 30 นาที จากนั้นซักตามปกติ
สูตรสำหรับผ้าม่านหนา
-
น้ำอุ่น 15 ลิตร
-
น้ำยาซักผ้า 1.5 ฝา (ประมาณ 45 มล.)
-
เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ (ช่วยให้ผ้านุ่มและลดกลิ่น)
-
แช่ไว้ 1 ชั่วโมงก่อนล้างออก
สูตรสำหรับผ้าม่านโปร่ง
-
น้ำเย็น 10 ลิตร
-
น้ำยาปรับผ้านุ่ม 1 ฝา
-
ซักมือเบาๆ แล้วล้างน้ำเปล่าให้สะอาด
-
ตากในร่มเพื่อป้องกันผ้าย้วยหรือเสียทรง
ข้อควรระวังในการซักผ้าม่าน
-
ห้ามใช้สารฟอกขาวกับผ้าม่านที่มีลวดลายหรือสีเข้ม
-
หลีกเลี่ยงการบิดแรง เพราะอาจทำให้ผ้ายับหรือเสียทรง
-
หากใช้เครื่องอบ ควรตั้งอุณหภูมิต่ำ หรือตากให้แห้งตามธรรมชาติจะดีที่สุด
-
ซักอย่างน้อยทุก 3–6 เดือน เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นและเชื้อรา